มั่วสุมหรืออยู่ร่วมคลุกคลีพัวพันกันอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา คำนี้โบราณท่านเปรียบไว้ด้วยคำที่มีความหมายบ่งบอกที่ค่อนข้างชัดเจน คือคำว่าคลุกคลีนั่นเอง
ประเภทสำนวน
"คลุกคลีตีโมง" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ โดยเฉพาะคำว่า 'ตีโมง' ซึ่งต้องเข้าใจความหมายเฉพาะทางวัฒนธรรมไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเล่นพนันหรือเล่นการพนันในสมัยก่อน โดย 'คลุกคลี' หมายถึงสนิทสนมใกล้ชิด ส่วน 'ตีโมง' มาจากการพนันที่เรียกว่า 'โมง' ซึ่งเป็นการพนันอย่างหนึ่ง การ 'คลุกคลีตีโมง' จึงหมายถึงการสนิทสนมคุ้นเคยกันจนเหมือนเล่นพนันร่วมกัน ปัจจุบันใช้ในความหมายถึงการคบหาสมาคมกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คลุกคลีตีโมง" ในประโยค
- เพื่อนรุ่นพี่เธอพาไปแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของร้านเพื่อจะได้คลุกคลีตีโมงกันต่อไป
- แม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่พวกเราก็คลุกคลีตีโมงกันได้อย่างรวดเร็ว จนเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี