ต่างคนต่างช่วยกันทำ ทำด้วยความสามัคคีกัน อย่างตั้งใจช่วยเหลือเกื้อกูลกันทำงานเพื่อผลสำเร็จ
ประเภทสำนวน
"คนละไม้คนละมือ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่แสดงหลักการทำงานร่วมกันโดยตรง มีความหมายชัดเจนในตัวเองและให้ข้อคิดเกี่ยวกับความสามัคคี จึงเข้าข่ายเป็นสุภาษิตมากกว่าคำพังเพยหรือสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนเรื่องความร่วมมือร่วมใจกันทำงาน โดยที่ทุกคนต่างแบ่งหน้าที่กัน คนละเล็กละน้อย ('คนละไม้' หมายถึง แต่ละคนถือไม้คนละอัน, 'คนละมือ' หมายถึง แต่ละคนช่วยลงแรงคนละมือ) เมื่อทุกคนช่วยกันแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ ก็สามารถทำให้งานสำเร็จได้ด้วยดีและรวดเร็ว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คนละไม้คนละมือ" ในประโยค
- ถ้าเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ งานปลูกป่าชุมชนนี้ก็จะเสร็จเร็วขึ้น
- การทำความสะอาดโรงเรียนหลังน้ำท่วม ต้องอาศัยทุกคนคนละไม้คนละมือ ถึงจะสำเร็จได้ทันเปิดเทอม
- งานบุญประเพณีของหมู่บ้านจะสำเร็จได้ด้วยดีเพราะชาวบ้านทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี