คนดีไปที่ไหนก็มีคนอยากคบหาสมาคมด้วย ไม่ลำบาก
ประเภทสำนวน
"คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบเพื่อสื่อความหมายโดยนัย ไม่ใช่ความหมายตรงตัว และไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต แต่ต้องตีความว่าคนดีจะมีคนช่วยเหลือในยามวิกฤต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบว่าคนที่มีความประพฤติดี มีคุณธรรม เมื่อประสบเคราะห์กรรมหรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่น ตกน้ำหรือตกไฟ ก็มักจะมีผู้ช่วยเหลือให้รอดพ้นจากอันตรายนั้นได้ เพราะความดีที่เคยทำไว้มักส่งผลให้มีผู้คนคอยช่วยเหลือเกื้อกูล
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" ในประโยค
- ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงจะถูกใส่ร้ายแต่ในที่สุดความจริงก็จะปรากฏ คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
- พี่สมศักดิ์ทุ่มเททำงานช่วยหมู่บ้านมาตลอด ตอนบริษัทเขาประสบปัญหา ชาวบ้านก็พากันมาช่วยซื้อสินค้าจนผ่านวิกฤตไปได้ จริงๆ แล้วคนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี