สิ่งที่ดูภายนอกแล้วดูไม่สวยงามหรือดูไม่ดี แต่แท้จริงแล้วภายในนั้นมีความสวยงามหรือความดีซ่อนอยู่ภายใน
เป็นสำนวนที่ตรงกันข้ามกับ ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง
ประเภทสำนวน
"ข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นคำเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ มีความหมายเฉพาะ ต้องตีความเพื่อเข้าใจ อีกทั้งไม่ได้สอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต หรือเปรียบเทียบเชิงนามธรรมเหมือนคำพังเพย แต่เป็นการอธิบายลักษณะที่ขัดแย้งกัน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบสภาพความไม่สอดคล้องกันระหว่างภายนอกกับภายใน โดยภายนอกดูหยาบกร้าน ขรุขระ ไม่เรียบร้อย แต่ภายในกลับเป็นระเบียบ สวยงาม หรือมีคุณภาพดี คำว่า "ต๊ะติ๊งโหน่ง" เป็นคำเลียนเสียงที่สื่อถึงความเรียบร้อย สวยงาม หรือประณีต
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง" ในประโยค
- แม้บ้านของลุงจะดูเก่าและทรุดโทรมจากภายนอก แต่พอได้เข้าไปข้างใน จึงรู้ว่าเป็นแบบข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง ข้าวของเครื่องใช้ทันสมัยและจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
- คนที่ดูภายนอกบึ้งตึง พูดจาห้วนๆ แต่จริงๆ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ก็เรียกได้ว่าเป็นคนข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี