ใช้ในการเปรียบเทียบของทั้งสองสิ่งนั้นมีมูลค่า, ความดีความร้าย, ความสามารถ นั้นพอ ๆ กัน ไม่ด้อยไปกว่ากัน
ประเภทสำนวน
"ขนมพอสมกับน้ำยา" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ใช้การเปรียบเทียบของสองสิ่ง (ขนมและน้ำยา) เพื่อสื่อถึงความเหมาะสมพอดีกันของสิ่งต่างๆ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการทำขนมไทยที่ต้องมีส่วนผสมที่พอเหมาะพอดีกัน โดยเฉพาะขนมที่ต้องใช้น้ำยาหรือน้ำเชื่อมราด หากขนมกับน้ำยามีปริมาณสมดุลกัน ขนมจะมีรสชาติที่พอดี ไม่แห้งเกินไปหรือเละเกินไป สะท้อนแนวคิดเรื่องความสมดุลหรือความเหมาะสมกันระหว่างสิ่งสองสิ่ง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขนมพอสมกับน้ำยา" ในประโยค
- เงินเดือนที่ได้รับขนมพอสมกับน้ำยากับภาระงานที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มากไม่น้อยเกินไป
- คู่นี้เหมาะสมกันดี ทั้งฐานะและการศึกษาก็ขนมพอสมกับน้ำยา น่าจะใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างราบรื่น
- งานที่จัดครั้งนี้ขนมพอสมกับน้ำยา งบประมาณกับจำนวนแขกที่เชิญมาพอดีกัน ไม่ฟุ่มเฟือยและไม่ขัดสน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี