หมายถึง หาประโยชน์ให้ส่วนรวม
ที่มา มาจากการทําบุญกุศลโดยวิธีนําหรือขนทรายไปก่อพระเจดีย์ทรายเป็นต้นที่วัด
ประเภทสำนวน
"ขนทรายเข้าวัด" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่ต้องตีความเพิ่มเติม แสดงถึงลักษณะการกระทำที่เหมือนกับการขนทรายเข้าวัด ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนที่มีความหมายเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากประเพณีการนำทรายเข้าวัดในเทศกาลสงกรานต์ เพื่อก่อพระเจดีย์ทราย ซึ่งเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง แต่สำนวนนี้หมายถึงการทำความดีที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ต้องทำซ้ำๆ ทีละเล็กทีละน้อย เหมือนการขนทรายที่ต้องขนทีละกำ ทีละถัง แสดงถึงความอดทน และความตั้งใจจริงในการทำความดี หรือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมหรือผู้อื่น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขนทรายเข้าวัด" ในประโยค
- คุณยายทำงานอาสาช่วยเหลือผู้ยากไร้มาตลอดชีวิต ถือเป็นการขนทรายเข้าวัดที่น่าชื่นชม
- การทำโครงการปลูกป่าชายเลนทีละต้นๆ อาจดูเหมือนความก้าวหน้าเล็กน้อย แต่เป็นการขนทรายเข้าวัดที่จะส่งผลดีต่อระบบนิเวศในระยะยาว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี