มีอารมณ์เสียหงุดหงิดบ่นว่าเกินกว่าเหตุ
ประเภทสำนวน
"กินรังแตน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นสำนวนที่ต้องมีการตีความเพิ่มเติม มีลักษณะเปรียบเปรยถึงสถานการณ์หรือผลของการกระทำบางอย่าง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่เพียงคำหรือวลีเฉพาะเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากการเปรียบเทียบกับการไปรื้อหรือทำลายรังแตน ซึ่งจะทำให้แตนออกมาต่อยผู้ที่รบกวนอย่างมากมาย ใช้เปรียบกับการไปยุ่งหรือทำให้คนที่มีอำนาจหรือมีพวกมากโกรธ จนทำให้ตัวเองเดือดร้อน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กินรังแตน" ในประโยค
- เขาไปเถียงกับผู้จัดการใหญ่ต่อหน้าลูกน้องทั้งแผนก สุดท้ายก็กินรังแตนโดนย้ายไปประจำที่สาขาห่างไกล
- การที่เธอไปวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองที่มีอิทธิพลโดยไม่มีหลักฐาน ระวังจะกินรังแตนนะ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี