ผู้ที่ไปหลงติดอยู่ ณ บ้านใดบ้านหนึ่งแล้วไม่ยอมกลับบ้านของตน ผู้เร่ร่อนไปไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่ง
ประเภทสำนวน
"กาหลงรัง" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีสั้นๆ ที่ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ มีความหมายเฉพาะที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่การเปรียบเทียบที่ต้องขยายความเหมือนคำพังเพย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากพฤติกรรมของกาที่บินหลงทางกลับรังไม่ได้ หรือหาทางกลับรังของตนเองไม่ถูก ใช้เปรียบกับคนที่ตกอยู่ในภาวะสับสน วุ่นวาย ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป หรือคนที่หลงทางในชีวิต ไม่รู้ว่าตนเองควรจะไปทางไหน มีที่มาจากลักษณะของกาที่มักจะจำรังของตัวเองได้แม่นยำ แต่หากเกิดหลงทางจะดูสับสนวุ่นวาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กาหลงรัง" ในประโยค
- เธอดูเหมือนกาหลงรังตั้งแต่แฟนเก่าทิ้งไป ไม่รู้จะไปทางไหนดี
- หลังจากบริษัทปรับโครงสร้างใหม่ พนักงานหลายคนเหมือนกาหลงรัง ไม่รู้ว่าตัวเองต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้าง
- เด็กคนนั้นถูกพ่อแม่ส่งไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่อายุน้อย พอกลับมาเมืองไทยก็เหมือนกาหลงรัง ไม่รู้จะปรับตัวอย่างไร
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี