ผู้ที่อยู่ในฐานะตัวสํารอง ซึ่งจะเรียกมาใช้เมื่อไรก็ได้
ผู้ที่อยู่ในฐานะตัวสำรองจะเรียกใช้เมื่อไรก็ย่อมได้
ผู้ที่อยู่ในฐานะตัวสำรอง ซึ่งจะเรียกมาใช้เมื่อไรก็ได้
ประเภทสำนวน
"ไก่รองบ่อน" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นคำเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องทราบความหมายเฉพาะ มีลักษณะเป็นวลีสั้นๆ ที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงหรือการเปรียบเทียบที่ชัดเจน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการพนันชนไก่ 'บ่อน' คือสถานที่เล่นการพนันชนไก่ ส่วน 'ไก่รองบ่อน' หมายถึงไก่ตัวที่มีฝีมือรองลงมาจากไก่ชนเอกของบ่อน เป็นไก่ที่เจ้าของบ่อนเลี้ยงไว้เป็นตัวสำรอง มักใช้ในการวัดฝีมือไก่จากที่อื่น ก่อนที่จะให้ไก่ตัวเอกลงแข่งขัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไก่รองบ่อน" ในประโยค
- เขาเป็นเหมือนไก่รองบ่อนในบริษัท คอยรับงานหนักแทนผู้จัดการใหญ่เวลามีปัญหา
- ถึงนักเตะคนนี้จะไม่ใช่ดาวเด่นของทีม แต่เขาก็เป็นไก่รองบ่อนที่ทำประโยชน์ให้ทีมได้มาก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ไก่รองบ่อน" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ มีความหมายเฉพาะในวัฒนธรรมไทย ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (จึงไม่ใช่สุภาษิต) และไม่ได้เปรียบเทียบชัดเจน (จึงไม่ใช่คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการพนันชนไก่ในบ่อน โดย 'ไก่รองบ่อน' หมายถึงไก่ตัวที่เจ้าของบ่อนเลี้ยงไว้ชนกับไก่ที่คนอื่นนำมา เพื่อรองรับการพนัน ไก่พวกนี้มักได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี มีความชำนาญในการชน จึงนำมาเปรียบกับคนที่คอยช่วยเหลือรับใช้นายหรือผู้มีอำนาจ ทำอะไรแทนนาย อาจหมายถึงผู้ช่วยคนสนิทที่คอยสนับสนุนนายในทางไม่ดี
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไก่รองบ่อน" ในประโยค
- นักการเมืองคนนี้เป็นไก่รองบ่อนให้นายทุนใหญ่ คอยทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของนาย
- เขาเป็นไก่รองบ่อนของผู้จัดการ คอยฟ้องความเคลื่อนไหวของพนักงานทุกคนให้ผู้จัดการรู้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ไก่รองบ่อน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่แฝงข้อคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมของคน ต้องตีความเพิ่มเติม มีลักษณะของการเปรียบเทียบพฤติกรรมไก่ชนในบ่อนกับคนที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มีที่มาจากวัฒนธรรมการพนันไก่ชนในบ่อน โดยเปรียบกับไก่ที่ออกมาชนแล้วแพ้ แต่เจ้าของไก่จะนำกลับมาชนอีกในบ่อนเดิม เพื่อทวงคืนความแพ้พ่าย หรือหวังจะเอาชนะให้ได้ ซึ่งมักจะพ่ายแพ้อีกจนเสียหมดตัว สำนวนนี้จึงใช้เปรียบกับคนที่เคยเสียที หรือเสียเปรียบในเรื่องใดแล้วยังอยากจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ อีก จนทำให้ตัวเองเสียหาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไก่รองบ่อน" ในประโยค
- ถึงจะเคยหลงเสียเงินให้แชร์ลูกโซ่นั่นไปแล้ว แต่ก็ยังอยากเข้าไปลงทุนอีก เป็นไก่รองบ่อนแท้ๆ
- เธอเลิกกับแฟนเก่าไปแล้ว ถ้ายังกลับไปคบอีก ก็เป็นไก่รองบ่อนเท่านั้นแหละ จะเจ็บตัวอีกรอบแน่ๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี