การทำใจกล้า ควบคุมจิตใจให้เป็นปกติ ไม่หวั่นไหวไปกับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อต้องเจอกับสิ่งที่น่ากลัวหรือเป็นอันตราย
ประเภทสำนวน
"ใจดีสู้เสือ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบลักษณะนิสัยของคนกับความกล้าหาญที่จะสู้กับเสือ มีลักษณะเป็นการเปรียบเปรยและต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่การสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบคนที่มีความเมตตา ใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือเสี่ยงอันตราย เหมือนกับคนที่กล้าเผชิญหน้ากับเสือซึ่งเป็นสัตว์ดุร้าย คำว่า 'ใจดี' หมายถึงความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ ส่วน 'สู้เสือ' หมายถึงการกล้าเผชิญกับความยากลำบาก หรือสถานการณ์ที่ท้าทาย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ใจดีสู้เสือ" ในประโยค
- ถึงจะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เขาก็ใจดีสู้เสือช่วยออกค่ารักษาพยาบาลให้คนเจ็บที่ประสบอุบัติเหตุข้างทาง
- คุณยายคนนี้ใจดีสู้เสือมาก แม้ตัวเองจะมีรายได้ไม่มาก แต่ก็ยังแบ่งปันอาหารให้คนยากไร้ในชุมชนทุกวัน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี