ประเภทสำนวน
"โคมลอย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนโดยแท้ เพราะมีลักษณะการเปรียบเทียบสถานการณ์ชัดเจน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบกับโคมที่ลอยไปตามลม ไม่มีทิศทางหรือจุดหมายที่แน่นอน เพื่ออธิบายถึงคนที่ไม่มีที่พึ่งพิง ไร้ที่อยู่อาศัยที่แน่นอน หรือไม่มีหลักแหล่ง เร่ร่อนไปเรื่อยๆ ตามยถากรรม เหมือนโคมที่ลอยไปตามกระแสลม ไม่สามารถกำหนดทิศทางของตัวเองได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "โคมลอย" ในประโยค
- หลังจากแยกทางกับภรรยา เขาก็กลายเป็นโคมลอย ไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง พักอาศัยไปเรื่อยๆ ตามบ้านเพื่อน
- เด็กกำพร้าคนนั้นเหมือนโคมลอย ไม่มีครอบครัวคอยดูแล ต้องเร่ร่อนหาที่พักพิงไปวันๆ
- เธอออกจากบ้านมาเป็นโคมลอยอยู่ตามหอพักเล็กๆ ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตจะลงหลักปักฐานที่ไหน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี