ทำทีว่าเป็นคนซื่อ แต่พอเผลอก็ออกลวดลายทันที เช่นเดียวกับแมวที่นอนบิดขี้เกียจ ไม่ลืมหูลืมตาอยู่ใกล้ ๆ หวดนึ่งข้าวข้าง ๆ เตาไฟที่มีปลาย่างวางอยู่พอคนเผลอมันก็ลุกขึ้นคาบ เอาปลาไปทันที
ซื่อเหมือนแมวนอนหวด ก็ว่า
ประเภทสำนวน
"แมวนอนหวด" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ได้ให้คำสอนโดยตรง แต่เป็นการเปรียบเปรยถึงลักษณะพฤติกรรมของคนที่ชอบเฝ้าระวังหรือดูแลสิ่งของที่ไม่ใช่หน้าที่ของตน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากลักษณะของแมวที่ชอบมานอนเฝ้าหวด (ภาชนะสำหรับนึ่งข้าวเหนียว) ทั้งที่แมวไม่ได้กินข้าวเหนียว ซึ่งเปรียบเทียบกับคนที่คอยเฝ้าสิ่งของหรือตำแหน่งที่ตนไม่มีสิทธิ์หรือไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นใช้หรือได้รับตำแหน่งนั้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "แมวนอนหวด" ในประโยค
- หัวหน้าฝ่ายคนนี้ไม่ยอมเกษียณสักที ทั้งที่อายุเกินกำหนดแล้ว เป็นแมวนอนหวดชัดๆ ไม่ทำงานเองก็ไม่ยอมให้คนอื่นขึ้นมาทำ
- พี่คนโตไม่ยอมแต่งงาน แต่ก็ไม่ยอมให้น้องๆ แต่งก่อน พ่อบอกว่าเป็นแมวนอนหวด กลัวน้องมีครอบครัวก่อน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี