การยอมแพ้ทําให้เรื่องสงบ การไม่ยอมแพ้ทําให้เรื่องไม่สงบ
ประเภทสำนวน
"แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดและแนวทางปฏิบัติชัดเจน ฟังแล้วเข้าใจได้ทันทีว่าการยอมแพ้บางครั้งอาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าการชนะที่ไม่เป็นธรรม มีลักษณะเป็นคำสอนเกี่ยวกับคุณธรรมและการดำเนินชีวิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้รู้จักการถ่อมตนและไม่ยึดติดกับการเอาชนะ เพราะการยอมแพ้เพื่อรักษาความถูกต้อง คุณธรรม หรือเพื่อความสงบสุข ถือเป็นความงดงามเหมือนพระ ในขณะที่การคิดแต่จะเอาชนะโดยไม่คำนึงถึงวิธีการหรือผลกระทบ อาจทำให้กลายเป็นคนที่ขาดคุณธรรม เปรียบเหมือนมาร แม้จะชนะแต่ไม่ได้รับการยอมรับนับถือ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร" ในประโยค
- ถึงจะโดนเพื่อนกล่าวหาว่าเป็นคนขี้ขลาด แต่ฉันยอมรับผิดแทนที่จะเถียงไปมา แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร ดีกว่าทะเลาะกันให้เสียมิตรภาพ
- ในการเจรจาธุรกิจครั้งนี้ ผมยอมลดราคาลงบ้างเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายพอใจ แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร บางครั้งการประนีประนอมคือทางออกที่ดีที่สุด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี