ประเภทสำนวน
"เห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานก้น" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีที่ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ต้องทำความเข้าใจความหมายเฉพาะ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (สุภาษิต) และไม่ใช่การเปรียบเทียบที่ต้องตีความ (คำพังเพย) แต่เป็นถ้อยคำที่มีความหมายเฉพาะในภาษาไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึงการที่คนเห็นผู้อื่นทำการงานหนัก แต่ตนเองกลับไม่ช่วยเหลือ หรือยืนดูเฉยๆ ทำมือเท่านั้น 'ขึ้นคานหาม' คือการที่คนหลายคนช่วยกันหามของหนัก ส่วน 'เอามือประสานก้น' คือการยืนเฉยๆ ไม่ทำอะไร เอามือไพล่หลัง สะท้อนถึงการไม่ช่วยเหลือเมื่อเห็นผู้อื่นทำงานหนัก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานก้น" ในประโยค
- ทุกคนในทีมรีบช่วยกันทำรายงานให้เสร็จก่อนเที่ยงคืน แต่สมชายกลับเห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานก้น ไม่ยอมช่วยใครเลย
- งานบุญที่วัด ชาวบ้านช่วยกันขนของและจัดสถานที่กันอย่างแข็งขัน แต่คุณสมศักดิ์เห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานก้น นั่งดูเฉยๆ ไม่ช่วยงานเลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี