ลักษณะการกระทําที่ไม่ถูกหลักเกณฑ์ ไม่จริงไม่จังเหมือนทำเล่น ๆ (มักใช้เป็นเชิงเปรียบเทียบ) เช่น ทำขนมขายนิด ๆ หน่อย ๆ เหมือนกับเด็กเล่นขายของ.
ประเภทสำนวน
"เล่นขายของ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และมีความหมายเฉพาะที่ต้องตีความจากการเปรียบเทียบ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการเล่นสมมติของเด็กที่เล่นเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายของ ซึ่งเป็นเพียงการเล่นสมมติที่ไม่จริงจัง ไม่มีการซื้อขายจริง เปรียบเปรยถึงการทำอะไรที่ไม่จริงจัง แสร้งทำ หรือปฏิบัติต่อสิ่งสำคัญด้วยความไม่จริงใจ ทำเป็นเล่นๆ ไม่ต้องรับผิดชอบผลลัพธ์
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เล่นขายของ" ในประโยค
- คุณก็เลิกเล่นขายของได้แล้ว เรื่องนี้มันสำคัญ ต้องทำจริงจังหน่อย
- ผมไม่อยากฟังคนที่มาเล่นขายของ หากคุณมาดูงานจริงจัง ผมพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่
- เพื่อนเอาอุปกรณ์ทำขนมมาด้วยแต่ไม่เอาส่วนผสมมา นึกว่าจะมาเรียนทำขนมจริง ที่แท้ก็แค่มาเล่นขายของ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี