ถ้าลดตัวไปเล่นหัวกับคนชั้นต่ำกว่า เขาก็อาจตีเสมอทำลวนลามเอา สากในที่นี้หมายถึงสากตำข้าวที่เขาพิงไว้ ถ้าใครซุกซนไปจับต้องเข้า สากอาจเลื่อนล้มทับถูกหัวถูกหูก็ได้
ประเภทสำนวน
"เล่นกับสากสากต่อยหัว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่ใช้สอนเตือนเรื่องการคบคนอย่างไม่ระมัดระวัง โดยไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง แต่ต้องตีความจากการเปรียบเทียบ มีลักษณะเป็นการให้ข้อคิดผ่านภาพพจน์เปรียบเทียบ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากอันตรายของการเล่นกับสาก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตำข้าว หากเล่นหรือประมาทกับมัน สากอาจจะตกลงมาตอนที่เราไม่ทันระวังและทำให้บาดเจ็บได้ เปรียบเหมือนการคบหาสมาคมกับคนที่มีนิสัยไม่ดี มีอารมณ์รุนแรง หรือเป็นอันตราย สุดท้ายเราอาจจะถูกทำร้ายหรือได้รับผลกระทบในทางลบ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เล่นกับสากสากต่อยหัว" ในประโยค
- หลายคนเตือนแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับกลุ่มเด็กแว้นพวกนั้น แต่ไม่ฟัง พอโดนรุมทำร้ายก็สายไปแล้ว นี่แหละเล่นกับสากสากต่อยหัว
- การไปคบหากับนักเลงอันธพาลแบบนั้น ก็เหมือนกับเล่นกับสากสากต่อยหัว สุดท้ายก็ได้รับผลร้ายเอง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี