ประเภทสำนวน
"เคราะห์หามยามร้าย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงสถานการณ์ที่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นซ้อนกัน ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และมีความหมายที่ต้องตีความจากสถานการณ์ที่กล่าวเปรียบเทียบ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เคราะห์ร้ายหรือความโชคร้ายเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน เมื่อกำลังมีเคราะห์หรือเหตุร้ายอยู่แล้ว ก็ยังประสบกับเรื่องร้ายๆ เข้ามาซ้ำเติมอีก เป็นการใช้คำว่า 'เคราะห์' (ความโชคร้าย) ที่ 'หา' (มาหา) และ 'ยาม' (ช่วงเวลา) ที่เป็น 'ร้าย' (ไม่ดี) มาซ้อนกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เคราะห์หามยามร้าย" ในประโยค
- หลังจากรถเสียกลางทางแล้ว ฝนก็ตกหนักเข้าอีก เรียกว่าเคราะห์หามยามร้ายจริงๆ
- วันนี้เคราะห์หามยามร้ายจริงๆ นอกจากตื่นสายจนพลาดรถไฟแล้ว ยังทำกระเป๋าสตางค์หายอีก
- คุณยายป่วยหนักอยู่แล้ว ยังเกิดอุบัติเหตุล้มในห้องน้ำอีก นับว่าเป็นเคราะห์หามยามร้ายซ้ำซ้อน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี