ประเภทสำนวน
"เข้าพระเข้านาง" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ตามคำที่ประกอบกัน ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะในวัฒนธรรมไทย ไม่ได้มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรง (สุภาษิต) หรือการเปรียบเทียบที่ต้องตีความ (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากละครหรือการแสดงโขน ละครไทย ที่ตัวละครเอกฝ่ายชาย (พระเอก) และฝ่ายหญิง (นางเอก) มารวมกันในฉากที่สำคัญ มักเป็นฉากรักหวานชื่น หรือฉากพบกันหลังจากพลัดพราก สำนวนนี้จึงใช้เปรียบเทียบถึงสถานการณ์ที่ชายหญิงมาพบกัน มีท่าทีสนิทสนมเป็นพิเศษ หรือแสดงความสนใจซึ่งกันและกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เข้าพระเข้านาง" ในประโยค
- พอพี่ชายเขาเห็นเพื่อนสนิทมาเจอน้องสาว ก็รู้เลยว่าทั้งคู่กำลังเข้าพระเข้านางกันแน่ๆ
- งานเลี้ยงรุ่นวันนี้ เห็นอดีตรุ่นพี่กับรุ่นน้องที่แอบชอบกันสมัยเรียน กลับมานั่งเข้าพระเข้านางกันอีกครั้ง คงจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี