พูดคุยถูกคอกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เข้ากันได้ดี
ประเภทสำนวน
"เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงความกลมกลืนสอดคล้องระหว่างคนหรือสิ่งของสองสิ่ง ต้องตีความความหมายแฝงว่าบุคคลหรือสิ่งนั้นเข้ากันได้ดี ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบการเข้ากันได้ดีเหมือนเครื่องดนตรีประเภทปี่และขลุ่ย ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีเป่าที่มักจะบรรเลงร่วมกันในวงดนตรีไทย เมื่อปี่และขลุ่ยเล่นพร้อมกัน จะมีเสียงที่ผสมกลมกลืนเป็นทำนองที่ไพเราะ สร้างความกลมกลืนสอดคล้องในเสียงดนตรี จึงใช้เปรียบเปรยถึงคนที่เข้ากันได้ดี ทำงานร่วมกันราบรื่น หรือมีความสัมพันธ์ที่กลมเกลียวกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย" ในประโยค
- สองพี่น้องคู่นี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำอะไรก็มักจะคิดเหมือนกันเสมอ
- คู่หนุ่มสาวคู่นี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แม้จะมาจากพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน แต่กลับมีความคิดและรสนิยมที่เข้ากันได้อย่างดี
- ทีมงานสองฝ่ายเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำให้โครงการนี้สำเร็จได้ตามกำหนดเวลา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี