ทําอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรือเกรงขาม
ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรือเกรงขาม
ประเภทสำนวน
"เขียนเสือให้วัวกลัว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์ให้เข้าใจเป็นนัย ต้องตีความเพิ่มเติม มีความหมายแฝงถึงพฤติกรรมของคน ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการที่คนเลี้ยงวัวมักจะวาดหรือเขียนรูปเสือไว้ในคอกวัว เพื่อให้วัวกลัวและไม่กล้าที่จะออกจากคอก มีความหมายเปรียบเทียบถึงการข่มขู่ให้อีกฝ่ายหนึ่งกลัว โดยการสร้างสิ่งที่น่ากลัวหรือภาพลวงขึ้นมา ทั้งที่ไม่มีอันตรายจริง เป็นการหลอกให้กลัวเพื่อให้อยู่ในการควบคุม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เขียนเสือให้วัวกลัว" ในประโยค
- เขาพูดว่าจะไปฟ้องผู้จัดการเพียงเพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว ความจริงไม่กล้าทำหรอก
- ผู้ใหญ่บางคนชอบเขียนเสือให้วัวกลัวด้วยการพูดถึงผีหรือสิ่งน่ากลัวต่างๆ เพื่อให้เด็กไม่กล้าออกไปเล่นนอกบ้านเวลากลางคืน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"เขียนเสือให้วัวกลัว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม แสดงถึงการพยายามใช้สิ่งที่น่ากลัวข่มขู่ผู้อื่น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบการที่คนพยายามทำให้ผู้อื่นกลัวด้วยวิธีการที่ไม่มีน้ำหนัก เขียนรูปเสือ (สัตว์ร้าย) ให้วัว (สัตว์เลี้ยง) กลัว สื่อถึงการใช้การขู่หรือแสดงอำนาจที่ไม่มีอยู่จริงเพื่อทำให้ผู้อื่นเกรงกลัว หรือการกระทำที่พยายามทำให้ดูน่ากลัวแต่ความจริงแล้วไม่มีความน่ากลัวจริง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เขียนเสือให้วัวกลัว" ในประโยค
- เขาชอบพูดข่มคนอื่นว่ามีเส้นสายใหญ่โต แต่ความจริงก็แค่เขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้น
- การขู่ว่าจะฟ้องร้องทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ก็เป็นเพียงการเขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"เขียนเสือให้วัวกลัว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะการเปรียบเทียบ มีความหมายเชิงเปรียบเปรย ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีความหมายว่า การทำให้คนอื่นกลัวด้วยการข่มขู่หรือแสดงอำนาจที่ไม่มีอยู่จริง เป็นการสร้างภาพลวงตาให้ดูน่ากลัวทั้งที่ไม่มีอำนาจจริง มีที่มาจากการเปรียบเทียบกับการวาดรูปเสือซึ่งเป็นสัตว์ดุร้ายเพื่อให้วัวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ดุร้ายเกิดความกลัว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เขียนเสือให้วัวกลัว" ในประโยค
- เขาชอบพูดขู่คนอื่นว่ามีเส้นสายกับคนใหญ่คนโต แต่ที่จริงก็แค่เขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้น
- ผู้จัดการคนใหม่ชอบทำท่าเข้มงวดในช่วงแรก ที่จริงเป็นแค่การเขียนเสือให้วัวกลัว พอทุกคนเริ่มกลัวแล้วก็เปลี่ยนเป็นใจดี
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี