เกลียดตัวเขา แต่อยากได้ผลประโยชน์จากเขา มักใช้เข้าคู่กับ เกลียดปลาไหลกินนํ้าแกง ว่า เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินนํ้าแกง
ประเภทสำนวน
"เกลียดตัวกินไข่" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเปรย ที่เปรียบถึงการกระทำที่ขัดแย้งกันของคนที่แสดงออกอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่างหนึ่ง มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงหรือข้อความที่เข้าใจได้จากความหมายตรงตัว
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากพฤติกรรมของคนที่แสดงออกว่าเกลียดหรือไม่ชอบสิ่งหนึ่ง แต่กลับแอบใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น เปรียบเสมือนคนที่บอกว่าเกลียดแม่ไก่ แต่กลับแอบกินไข่ที่แม่ไก่ออกมา แสดงถึงความไม่จริงใจ หรือความขัดแย้งในตัวเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เกลียดตัวกินไข่" ในประโยค
- พี่สาวชอบบอกว่าเกลียดเพื่อนของน้องชาย แต่ทุกครั้งที่เพื่อนคนนั้นฝากขนมมา กลับแอบกินเงียบๆ นี่เรียกว่าเกลียดตัวกินไข่ชัดๆ
- คุณนายคนนั้นชอบนินทาคุณหญิงว่าร้ายกาจ แต่พอคุณหญิงจัดงานเลี้ยงก็รีบไปร่วมงานทุกครั้ง จะเรียกว่าเกลียดตัวกินไข่ก็ไม่ผิด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี