ต้องรู้จักช่วยตัวเอง อย่าคิดแต่จะพึงพาอาศัยคนอื่นเสมอไป ถ้าเราทำอะไรได้เองก็สะดวก แต่ถ้าต้องคอยอาศัยคนอื่นเขาร่ำไป ย่อมไม่ได้รับความสะดวก
เหมือนคนมีรถยนต์แล้วขับไม่เป็น จะไปไหนทีก็ต้องพึ่งคนขับอยู่เรื่อย ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็ไปไม่ได้
ประเภทสำนวน
"อย่าเอาจมูกคนอื่นหายใจ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม โดยเปรียบเทียบการพึ่งพาคนอื่นเกินควรกับการเอาจมูกคนอื่นมาหายใจซึ่งไม่สามารถทำได้จริง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้สะท้อนแนวคิดเรื่องการพึ่งพาตนเอง ไม่พึ่งพาผู้อื่นมากเกินไป เปรียบกับการหายใจซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับการมีชีวิต หากต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ ย่อมไม่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ สำนวนนี้สอนให้รู้จักพึ่งตนเองในเรื่องสำคัญของชีวิต
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าเอาจมูกคนอื่นหายใจ" ในประโยค
- ลูกคนนี้มีแต่พึ่งเงินพ่อแม่ตลอด ไม่ยอมทำงานหาเลี้ยงตัวเอง แม่ควรสอนเขาเสียบ้างว่าอย่าเอาจมูกคนอื่นหายใจ
- เธอต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะทำธุรกิจด้วยตัวเอง อย่าเอาจมูกคนอื่นหายใจ พึ่งแต่เงินกู้จากครอบครัวแบบนี้ไปตลอดไม่ได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี