การมีศัตรูอยู่ใกล้ตัวเช่นคนใกล้ชิดที่อาจคิดร้ายขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
คนที่ใกล้ชิดที่อาจคิดร้ายขึ้นมาเมื่อไรก็ได้มักใช้แก่ลูกเลี้ยงที่ติดมากับพ่อหรือแม่,ศัตรูที่อยู่ข้างตัว
คนใกล้ชิดที่จะคอยทำร้ายเมื่อใดก็ได้
ประเภทสำนวน
"หอกข้างแคร่" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถเข้าใจได้จากการแปลตรงตัว ต้องตีความเป็นพิเศษ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (จึงไม่ใช่สุภาษิต) และไม่ได้เป็นการเปรียบเทียบชัดเจน (จึงไม่ใช่คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการที่คนสมัยก่อนมักเก็บอาวุธไว้ข้างแคร่นอน โดยเฉพาะหอกซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้แทงได้ไกล เพื่อป้องกันตัวเมื่อมีอันตราย สำนวนนี้จึงใช้เปรียบเทียบถึงศัตรูหรืออันตรายที่อยู่ใกล้ตัว ซึ่งสามารถทำร้ายได้โดยง่ายและรวดเร็ว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หอกข้างแคร่" ในประโยค
- คุณต้องระวังเลขาฯ คนนี้ไว้ให้ดี เธอเป็นหอกข้างแคร่ที่พร้อมจะทรยศคุณได้ทุกเมื่อ
- อย่าไว้ใจลูกน้องคนนั้นมากนัก เขาอาจเป็นหอกข้างแคร่ก็ได้ เพราะดูเหมือนเขาจะรายงานทุกอย่างให้ฝ่ายตรงข้ามทราบ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"หอกข้างแคร่" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะในบริบทไทย มีความหมายเฉพาะพิเศษที่ใช้เรียกสถานการณ์หรือบุคคลที่เป็นอันตรายใกล้ตัว
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากสมัยโบราณที่คนไทยมักนอนบนแคร่ และเก็บอาวุธ เช่น หอก ไว้ข้างๆ แคร่เพื่อป้องกันตัว แต่หากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดหยิบหอกนั้นมาทำร้ายเรา ก็จะเป็นอันตรายที่สุด เพราะเป็นภัยใกล้ตัวที่คาดไม่ถึง สื่อถึงคนใกล้ชิด คนในครอบครัว หรือคนที่ไว้ใจ ที่กลับกลายเป็นศัตรูหรือผู้ทำร้ายเรา
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หอกข้างแคร่" ในประโยค
- เขาไม่น่าจะเป็นคนโกงเงินบริษัท เพราะเขาเป็นคนสนิทของเจ้าของ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นหอกข้างแคร่
- สามีที่เคยรักกันดีกลับมาทำร้ายร่างกายภรรยา นี่แหละที่เรียกว่าหอกข้างแคร่
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"หอกข้างแคร่" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องตีความเพื่อเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ เป็นการเปรียบเทียบอันตรายที่อยู่ใกล้ตัวหรือภายในบ้าน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากสมัยโบราณที่คนมักนอนบนแคร่ไม้ และเก็บอาวุธ เช่น หอก ไว้ข้างแคร่เพื่อป้องกันตัว แต่หากไม่ระมัดระวัง อาวุธที่เตรียมไว้ป้องกันตัวนั้นอาจกลับมาทำร้ายเจ้าของได้ สะท้อนแนวคิดเรื่องภัยที่ใกล้ตัวและคนที่ไว้ใจอาจกลับกลายเป็นอันตรายได้มากที่สุด
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หอกข้างแคร่" ในประโยค
- เขาไม่ควรเปิดเผยความลับของบริษัทให้ภรรยาฟัง เพราะเธอทำงานอยู่ที่บริษัทคู่แข่ง นี่เหมือนหอกข้างแคร่ชัดๆ
- เขาไม่ระวังคนในครอบครัวที่คอยให้ข้อมูลกับศัตรู จนทำให้ธุรกิจล้มละลาย นี่แหละที่เรียกว่าหอกข้างแคร่
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี