หมายถึง เมื่อทำความเดือดร้อนให้แก่คนใกล้ชิด ก็จะมีผลกระทบถึงตัวผู้ทำหรือพวกพ้อง
ประเภทสำนวน
"หยิกเล็บเจ็บเนื้อ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะการเปรียบเทียบทางอ้อม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต แต่ต้องตีความเพิ่มเติม อีกทั้งมีโครงสร้างเป็นการเปรียบเทียบความรู้สึกทางกายภาพกับความสัมพันธ์ทางใจ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากความรู้สึกทางกายภาพที่ว่าเมื่อเล็บถูกหยิกก็ทำให้เนื้อเจ็บ เปรียบเทียบให้เห็นว่าคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เช่น ญาติพี่น้อง สามีภรรยา หรือคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อคนหนึ่งได้รับความเดือดร้อนหรือความทุกข์ คนอื่นๆ ในครอบครัวก็พลอยรู้สึกเจ็บปวดหรือเดือดร้อนไปด้วย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หยิกเล็บเจ็บเนื้อ" ในประโยค
- เมื่อลูกชายถูกจับดำเนินคดี พ่อแม่ก็ทุกข์ใจมาก จริงอยู่ที่ว่าหยิกเล็บเจ็บเนื้อ
- ถึงแม้พี่น้องจะทะเลาะกัน แต่เมื่อมีคนมาทำร้ายน้อง พี่ก็ทนไม่ได้ เพราะหยิกเล็บเจ็บเนื้อเสียดายที่เพิ่งสำนึกได้ตอนนี้
- บริษัทในเครือต้องช่วยเหลือกันเมื่อมีปัญหา เพราะเราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี