คนที่ดีแต่ส่งเสียงเอะอะอวดเก่ง แต่ไม่ยอมต่อสู้หรือตอบโต้
ประเภทสำนวน
"หมาเห่าไม่กัด" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความที่เปรียบเทียบพฤติกรรมหมาที่เห่าแต่ไม่กัด กับลักษณะของคนที่พูดมากแต่ไม่ทำจริง มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรง และไม่ใช่สำนวนที่มีความหมายเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีที่มาจากสังเกตพฤติกรรมของสุนัขที่มักจะเห่าเสียงดังเมื่อพบคนแปลกหน้า แต่สุนัขที่เห่าเสียงดังมักไม่กัดคน ส่วนสุนัขที่เงียบไม่เห่าอาจจะเป็นตัวที่กัดคนได้โดยไม่มีสัญญาณเตือน นำมาเปรียบกับคนที่พูดขู่ ข่มขวัญ หรือโอ้อวดมาก มักไม่ได้ลงมือทำจริง ส่วนคนที่เงียบๆ ไม่พูดมาก อาจเป็นคนที่ลงมือทำจริงๆ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หมาเห่าไม่กัด" ในประโยค
- นักการเมืองคนนี้ชอบขู่ว่าจะฟ้องร้องคู่แข่ง แต่ก็ไม่เคยฟ้องจริง ดูเหมือนหมาเห่าไม่กัดชัดๆ
- อย่าไปกลัวนายสมชายเลย เขาเป็นคนหมาเห่าไม่กัด ชอบข่มขู่คนอื่นแต่ไม่เคยทำอะไรจริงจัง
- คนที่พูดขู่เก่งๆ แบบนี้ หมาเห่าไม่กัดทั้งนั้นแหละ ส่วนคนที่เงียบๆ นี่แหละที่น่ากลัว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี