คนที่อยากได้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตน แต่สุดความสามารถจะเอามาใช้ประโยชน์ได้
ประเภทสำนวน
"หมาเห็นข้าวเปลือก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมของคนกับลักษณะของสัตว์ (หมา) ที่ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่มีประโยชน์ (ข้าวเปลือก) โดยยังต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะเหมือนสำนวน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบกับสุนัขที่มองเห็นข้าวเปลือกแต่ไม่รู้จักคุณค่า เพราะสุนัขกินข้าวสุกที่หุงแล้ว ไม่รู้ว่าข้าวเปลือกสามารถนำไปสีเป็นข้าวสารและหุงเป็นอาหารได้ จึงใช้เปรียบกับคนที่มองไม่เห็นคุณค่าหรือประโยชน์ของสิ่งที่มีค่า หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่มีคุณค่าแท้จริง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หมาเห็นข้าวเปลือก" ในประโยค
- เขาทิ้งหนังสือเก่าที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไปมากมาย เหมือนหมาเห็นข้าวเปลือกไม่รู้จักคุณค่า
- ให้เธอฟังเพลงคลาสสิกก็เหมือนหมาเห็นข้าวเปลือก เธอไม่เข้าใจความงามของดนตรีประเภทนี้เลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี