ประเภทสำนวน
"หน้าเป็นม้าหมากรุก" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า สำนวนนี้เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องตีความความหมายเฉพาะ ซึ่งหมายถึงคนที่แสดงสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกภายใน ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (สุภาษิต) หรือคำเปรียบเทียบที่ต้องมีการตีความ (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากหน้าตัวหมากรุกไทยที่มีลักษณะเรียบ ไม่มีการแกะสลักลวดลายบ่งบอกว่าเป็นตัวอะไร โดยเฉพาะตัวม้าในหมากรุกไทยที่มีหน้าตรงเรียบๆ ไม่มีลักษณะเด่นชัด ดังนั้นจึงเปรียบเทียบกับคนที่แสดงสีหน้าราบเรียบ ไม่บ่งบอกความรู้สึกหรืออารมณ์ใดๆ ไม่สามารถคาดเดาความคิดหรือความรู้สึกภายในได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หน้าเป็นม้าหมากรุก" ในประโยค
- ถึงจะโดนเจ้านายด่าต่อหน้าคนอื่น แต่เขาก็ยังคงหน้าเป็นม้าหมากรุก ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ให้คนเห็น
- ฉันไม่ชอบเล่นไพ่กับเธอเลย เธอทำหน้าเป็นม้าหมากรุกตลอด จนฉันอ่านไม่ออกว่าได้ไพ่ดีหรือไม่
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี