(กลอน) ก. ทําอันตรายกันไม่ได้ เช่น ถ้อยทีศรศิลป์ไม่กินกัน. (รามเกียรติ์ ร. ๖); ไม่ถูกกัน, ไม่ลงรอยกัน, ไม่ชอบหน้ากัน, เช่น พี่น้องคู่นี้ศรศิลป์ไม่กินกัน เจอหน้ากันเมื่อใดต้องทะเลาะกันเมื่อนั้น.
ไม่ถูกกัน ไม่ลงรอยกัน ไม่ชอบหน้ากัน
ประเภทสำนวน
"ศรศิลป์ไม่กินกัน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยเพื่อสื่อถึงสถานการณ์ที่คนสองคนหรือสองฝ่ายไม่ถูกกัน ไม่ลงรอยกัน ต้องตีความเพิ่มเติม และไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากความเชื่อในการยิงธนู หากศรถูกคมศรอื่นกระทบ จะทำให้เบี่ยงเบนทิศทาง ซึ่งเปรียบได้กับคนที่มีความเชี่ยวชาญและความสามารถในลักษณะเดียวกัน เมื่อมาพบกันแล้วไม่ลงรอยกัน แข่งขันกันจนเกิดความขัดแย้ง เพราะต่างคนต่างมีความสามารถ ทิฐิ หรือความคิดแนวทางเดียวกัน จึงไม่ยอมรับหรือขัดแย้งกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ศรศิลป์ไม่กินกัน" ในประโยค
- แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักเขียนเก่งทั้งคู่ แต่ความคิดและวิธีการเขียนกลับแตกต่างกันมาก เป็นเรื่องศรศิลป์ไม่กินกัน ทำให้ทำงานร่วมกันลำบาก
- อาจารย์สองท่านนี้เป็นศรศิลป์ไม่กินกัน แม้จะสอนวิชาเดียวกัน แต่ก็มักจะมีความเห็นขัดแย้งกันทุกครั้งที่ประชุม
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ศรศิลป์ไม่กินกัน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้เหมือนสำนวนไทย แต่เป็นการเปรียบเปรยถึงคนที่มีความสามารถเหมือนกันจะไม่ทำร้ายกัน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากความเชื่อว่าผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ศร (นักรบหรือพรานที่ใช้ศรเป็นอาวุธ) จะไม่ยิงศรไปทำร้ายผู้ที่มีความสามารถเหมือนกัน เพราะเคารพในฝีมือซึ่งกันและกัน ปัจจุบันใช้เปรียบเทียบถึงผู้ที่อยู่ในวงการเดียวกัน มีอาชีพเดียวกัน หรือมีความสามารถเหมือนกัน มักจะไม่ทำร้ายหรือทำลายกันเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ศรศิลป์ไม่กินกัน" ในประโยค
- หมอคนนั้นรู้ว่าแพทย์อีกคนรักษาผิดพลาด แต่เขาก็ไม่พูดอะไร คงเป็นเพราะศรศิลป์ไม่กินกัน
- แม้จะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แต่เมื่อบริษัทของอีกฝ่ายประสบปัญหา เขาก็ยังยื่นมือช่วยเหลือ จนหลายคนแปลกใจ แต่นี่คือวิถีของศรศิลป์ไม่กินกัน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี