ส่วนของใครก็เป็นของคนนั้น ไม่ก้าวก่ายหรือก้ำเกินในผลประโยชน์ของกันและกัน
ประเภทสำนวน
"วัวใครก็เข้าคอกคนนั้น" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดชัดเจนว่า ภาระหน้าที่ของใครก็เป็นความรับผิดชอบของคนนั้น มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ให้คำสอนเชิงจริยธรรมเกี่ยวกับความรับผิดชอบ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากวิถีชีวิตชาวชนบทที่เลี้ยงวัว เมื่อถึงเวลาเย็นวัวก็จะกลับเข้าคอกของเจ้าของตน หมายความว่าสิ่งใดก็ตามที่เป็นภาระหน้าที่หรือความรับผิดชอบของผู้ใด ผู้นั้นก็ควรรับผิดชอบดูแลเอง ไม่ควรโยนภาระให้คนอื่น หรือเจ้าของย่อมต้องดูแลรับผิดชอบทรัพย์สินของตน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "วัวใครก็เข้าคอกคนนั้น" ในประโยค
- เมื่อถูกขอให้ช่วยทำงานแทนเพื่อน เขาปฏิเสธว่า 'วัวใครก็เข้าคอกคนนั้น' คุณต้องรับผิดชอบงานของคุณเอง
- ครูสอนลูกศิษย์เสมอว่า 'วัวใครก็เข้าคอกคนนั้น' อย่าลอกการบ้านกัน ต้องทำด้วยตัวเอง
- พ่อแม่ต้องรับผิดชอบดูแลลูกของตน เพราะวัวใครก็เข้าคอกคนนั้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี