คนที่เห็นแก่ได้ เห็นแก่กิน และเกียจคร้าน
คนชั้นล่างทีทำอะไรเห็นแก่ได้ เอาแต่กอบโดย
ประเภทสำนวน
"วัวเห็นแก่หญ้าขี้ข้าเห็นแก่กิน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติของวัวและข้าทาสที่ทำอะไรเพราะมีผลประโยชน์ล่อตาล่อใจ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง แต่เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่าคนที่ทำอะไรเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวเปรียบได้กับวัวที่เห็นหญ้าหรือคนใช้ที่เห็นแก่อาหาร
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้สะท้อนความจริงที่ว่า บุคคลที่อยู่ในสถานะต่ำต้อยหรือขาดอำนาจต่อรอง มักถูกล่อด้วยผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ทำงานหรือให้ความร่วมมือตามที่ผู้มีอำนาจเหนือกว่าต้องการ เปรียบวัวที่ยอมทำงานหนักเพราะได้กินหญ้า และข้าทาสที่ยอมทำงานเพราะได้กินอาหาร สะท้อนการพึ่งพาความต้องการขั้นพื้นฐานเพื่อควบคุมคนหรือสัตว์
ตัวอย่างการใช้สำนวน "วัวเห็นแก่หญ้าขี้ข้าเห็นแก่กิน" ในประโยค
- นักการเมืองเหล่านั้นมักใช้วิธีวัวเห็นแก่หญ้า ขี้ข้าเห็นแก่กิน ล่อให้ชาวบ้านมาลงคะแนนเสียงด้วยการแจกเงินและสิ่งของ
- บริษัทใหญ่ใช้วิธีวัวเห็นแก่หญ้า ขี้ข้าเห็นแก่กิน ด้วยการให้โบนัสน้อยนิดเพื่อกดค่าแรงพนักงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่แล้ว
- เธอไม่ควรยอมรับข้อเสนอนั้นง่ายๆ เพียงเพราะเขาเสนอตำแหน่งให้ นั่นเป็นกลยุทธ์แบบวัวเห็นแก่หญ้า ขี้ข้าเห็นแก่กิน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"วัวเห็นแก่หญ้าขี้ข้าเห็นแก่กิน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำพังเพยเพราะเป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมมนุษย์โดยใช้ภาพลักษณ์ของวัวและคนรับใช้มาสร้างการเปรียบเทียบ เป็นคำที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่การสอนโดยตรงแบบสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบคนที่ยอมทำหน้าที่หรือทำตามคำสั่งเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้างหรือผลประโยชน์ โดยเปรียบวัวที่ยอมลากเกวียนหรือไถนาเพราะได้กินหญ้า และขี้ข้า (คนรับใช้) ที่ยอมทำงานให้นายเพราะได้กินอาหาร แสดงถึงการทำอะไรไม่ได้ทำด้วยความเต็มใจ แต่ทำเพราะต้องการสิ่งตอบแทน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "วัวเห็นแก่หญ้าขี้ข้าเห็นแก่กิน" ในประโยค
- พวกนักการเมืองที่ทำงานเพื่อตำแหน่งและผลประโยชน์ ก็เหมือนวัวเห็นแก่หญ้า ขี้ข้าเห็นแก่กิน ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
- บริษัทนี้พนักงานทำงานแบบวัวเห็นแก่หญ้า ขี้ข้าเห็นแก่กิน ไม่มีใครรักองค์กรจริงๆ ทุกคนรอแต่เงินเดือนออกเท่านั้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี