ประเภทสำนวน
"วัวสันหลังขาด" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบสภาพของคนที่ตกอยู่ในฐานะลำบากมากจนไม่มีทางเลือก มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนที่มีความหมายเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากภาพของวัวที่มีแผลบริเวณหลังจนเป็นรอยแยกหรือฉีกขาด ทำให้วัวตัวนั้นไม่สามารถใช้งานได้อีกหรือมีค่าลดลงมาก เปรียบเหมือนคนที่ตกอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างแสนสาหัส จนแทบไม่มีทางเลือก หรือต้องจำยอมทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "วัวสันหลังขาด" ในประโยค
- ถ้าฉันไม่รับงานหนักพิเศษนี้ ก็ไม่มีเงินส่งลูกเรียน เหมือนวัวสันหลังขาดเลยจริงๆ
- เขาเป็นหนี้ธนาคารหลายล้าน ตอนนี้เหมือนวัวสันหลังขาด ต้องยอมขายบ้านที่สร้างมากับมือเพื่อปลดหนี้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี