วันหน้ายังมีโอกาสอีก
มักใช้พูดเป็นเชิงอาฆาต
ประเภทสำนวน
"วันพระไม่ได้มีหนเดียว" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า ให้ข้อคิดและคำสอนโดยตรงเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต มีความสมบูรณ์ในตัวเอง และให้ข้อคิดที่ชัดเจนในเรื่องความอดทนและการรอคอยโอกาส
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มีที่มาจากความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ที่กำหนดให้มีวันพระหรือวันธรรมสวนะเวียนมาทุกๆ 7-8 วัน เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไปทำบุญที่วัด หากพลาดโอกาสในวันพระวันหนึ่ง ก็ยังมีวันพระหน้าให้ทำบุญได้อีก สุภาษิตนี้จึงใช้เปรียบเทียบว่า โอกาสดีๆ ในชีวิตไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว หากพลาดไปครั้งหนึ่งก็ไม่ควรท้อแท้สิ้นหวัง เพราะยังมีโอกาสอื่นๆ อีกมากในอนาคต
ตัวอย่างการใช้สำนวน "วันพระไม่ได้มีหนเดียว" ในประโยค
- เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่หวังไม่ติด แต่อย่าเพิ่งเสียใจไป วันพระไม่ได้มีหนเดียว ปีหน้าเธอยังมีโอกาสสอบใหม่ได้อีก
- แม้ว่าคุณจะพลาดโอกาสการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ไป ก็อย่าท้อใจ วันพระไม่ได้มีหนเดียว ยังมีโอกาสอีกมากในอนาคต
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี