รักลูกไม่เท่ากัน
เวลาลิงเลี้ยงลูก "จะเอาลูกรักไว้ข้างหลัง เอาลูกชังไว้ข้างหน้า" ตัวที่อยู่ข้างหน้าย่อมถูกกิ่งไม้ทิ่มแทงแขนขาในเวลาผู้เป็นแม่โหนไปโน่นมานี่
ประเภทสำนวน
"ลูกรักอยู่หลังลูกชังอยู่หน้า" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูบุตร มีเนื้อหาเป็นข้อคิดโดยตรง ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม และมีความชัดเจนในตัวเอง เป็นคำสอนที่สมบูรณ์ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนเรื่องการเลี้ยงดูบุตร โดยมีแนวคิดว่า พ่อแม่ที่รักลูกมากเกินไปจนตามใจ มักจะทำให้ลูกเสียคน จึงควรว่ากล่าวตักเตือนหรือดุด่าบ้างเมื่อลูกทำผิด ไม่ใช่คอยปกป้องหรือตามใจลูกเสมอไป เปรียบเหมือนว่าลูกที่ถูกรักมากเกินไปนั้นจะถูกเก็บไว้ข้างหลัง ไม่ได้รับการฝึกฝนให้เผชิญหน้ากับความจริงของชีวิต ส่วนลูกที่ถูกว่ากล่าวตักเตือนจะได้อยู่ข้างหน้า เติบโตเป็นคนดีมีคุณภาพ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ลูกรักอยู่หลังลูกชังอยู่หน้า" ในประโยค
- พ่อแม่ควรจำไว้ว่า ลูกรักอยู่หลัง ลูกชังอยู่หน้า อย่าตามใจลูกมากเกินไป ต้องรู้จักดุด่าเมื่อทำผิด
- ฉันรู้ว่าลูกจะร้องไห้เมื่อถูกดุ แต่ ลูกรักอยู่หลัง ลูกชังอยู่หน้า ถ้าปล่อยให้เขาทำผิดต่อไป อนาคตจะลำบาก
- คุณย่าเตือนฉันเสมอว่า ลูกรักอยู่หลัง ลูกชังอยู่หน้า ซึ่งฉันเห็นผลจริงเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านที่ตามใจลูกจนเสียคน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี