ที่พึ่งพาอาศัย เช่น ต้องไปพึ่งร่มไม้ชายคาของผู้อื่น.
ประเภทสำนวน
"ร่มไม้ชายคา" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่การกล่าวคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
เปรียบเทียบที่พึ่งพิงให้ร่มเงา ความคุ้มครอง หรือความปลอดภัย เหมือนกับร่มเงาของต้นไม้และชายคาบ้านที่ให้ความร่มเย็น ปกป้องจากแดดและฝน สะท้อนถึงความหมายของบ้าน ครอบครัว หรือผู้ใหญ่ที่ให้การปกป้องคุ้มครองผู้ที่อยู่ใต้อุปการะ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ร่มไม้ชายคา" ในประโยค
- พ่อแม่เป็นร่มไม้ชายคาของลูกเสมอ คอยปกป้องและให้ความอบอุ่นแก่ลูกทุกคน
- เมื่อยามตกทุกข์ได้ยาก ญาติผู้ใหญ่ก็เป็นร่มไม้ชายคาที่เราจะเข้าไปพึ่งพิงได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี