ร่วมกันทำงานย่อมประสบความสำเร็จได้ แต่ทางตรงกันข้าม ถ้าแยกกันทำไม่รวมใจกัน งานอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเอาได้
รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย ก็ว่า
ประเภทสำนวน
"รวมกันเราอยู่แยกกันเราตาย" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นข้อความที่ให้ข้อคิดหรือคำสอนโดยตรง มีความหมายชัดเจนในตัวเอง เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความ สอนถึงพลังของความสามัคคี
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนเรื่องความสามัคคี แสดงให้เห็นว่าการรวมพลังกันสามารถทำให้เอาชนะอุปสรรคและดำรงอยู่ได้ แต่หากแตกความสามัคคีหรือต่างคนต่างอยู่ก็จะอ่อนแอลงและอาจประสบความหายนะ เปรียบเสมือนไม้กวาด เมื่อมัดรวมกันจะแข็งแรง แต่หากแยกออกเป็นก้านเดี่ยวๆ ก็จะหักได้ง่าย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "รวมกันเราอยู่แยกกันเราตาย" ในประโยค
- รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย นี่เป็นบทเรียนสำคัญที่ประเทศไทยต้องจดจำในยามวิกฤต
- การรณรงค์ให้ชาวบ้านร่วมมือกันดูแลป่าชุมชนใช้แนวคิด รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย จนประสบความสำเร็จ
- ผู้นำกลุ่มเกษตรกรพยายามปลุกเร้าสมาชิกให้เห็นความสำคัญของการรวมกลุ่มว่า รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย จึงจะต่อรองราคาผลผลิตได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี