แลกกันโดยต่างฝ่ายต่างให้และรับในเวลาเดียวกัน
ประเภทสำนวน
"ยื่นหมูยื่นแมว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยแฝงนัยเชิงติเตียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนที่เอาตัวเข้าไปเสนอตัวหรือยื่นข้อเสนอให้ผู้อื่นเลือก แต่มักไม่ได้รับการตอบรับ มีลักษณะการเปรียบเทียบพฤติกรรมต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และเป็นการเปรียบเปรยเชิงภาพที่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มีที่มาจากการเสนอสินค้าหรือสิ่งของให้ผู้อื่นเลือก เปรียบเสมือนการนำหมูหรือแมวมายื่นเสนอให้ผู้ซื้อพิจารณา แต่ผู้ซื้ออาจไม่สนใจหรือไม่รับเลือกเอา ซึ่งสะท้อนภาพพฤติกรรมในสังคมที่บางคนเอาตัวเองเข้าไปเสนอตัว อวดดี หรือติดตามเสนอสิ่งต่างๆ จนน่ารำคาญ แต่มักไม่ได้รับการตอบรับ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ยื่นหมูยื่นแมว" ในประโยค
- หยุดเสนอโปรเจกต์กับบอสเถอะ เขาปฏิเสธมาหลายรอบแล้ว แกยังจะยื่นหมูยื่นแมวไปอีกทำไม
- เธอพยายามยื่นหมูยื่นแมวเข้าหาเขา แต่เขาก็ไม่เคยสนใจเธอเลยสักครั้ง น่าสงสารจริง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี