ประนีประนอมกัน, อะลุ่มอล่วยกัน
ผ่อนผันสั้นยาว ก็ว่า
ประเภทสำนวน
"ผ่อนสั้นผ่อนยาว" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดเรื่องการปรับตัว ดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ใช้หลักการประนีประนอม มีความหมายชัดเจนในตัวเอง และให้คำแนะนำที่ดี
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการเปรียบเทียบกับการผูกเชือกหรือดึงของ ซึ่งบางครั้งต้องผ่อนให้สั้น บางครั้งต้องผ่อนให้ยาว ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ สอนให้คนรู้จักยืดหยุ่น ปรับตัว ลดหรือเพิ่มความเข้มงวดตามความเหมาะสม ไม่ยึดติดจนเกินไป
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ผ่อนสั้นผ่อนยาว" ในประโยค
- พอแม่บ้านลาออกกะทันหัน คุณแม่ต้องผ่อนสั้นผ่อนยาวกับงานบ้าน บางอย่างก็ต้องปล่อยไปก่อน ทำเท่าที่จำเป็น
- การทำงานกับลูกค้าหลากหลายประเภท เราต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว บางรายต้องเคร่งครัดในกฎเกณฑ์ บางรายต้องยืดหยุ่นบ้าง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี