คนดีคอยปิดบังไม่แสดงตัวแต่คนชั่วกลับแสดงออกอย่างเปิดเผย
ประเภทสำนวน
"ผู้ดีเดินตรอกขี้ครอกเดินถนน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า จัดเป็นสุภาษิตเพราะเป็นคำสอนโดยตรงเกี่ยวกับการวางตัวให้เหมาะสม มีความชัดเจนในตัวเอง ให้ข้อคิดคำสอนที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม และเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความมาก
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนเรื่องการรู้จักวางตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะและสถานที่ โดยหมายความว่า คนดีมีมารยาทถึงแม้จะเดินในที่คับแคบหรือเล็กๆ (ตรอก) ก็ยังรักษากิริยามารยาทได้ดี ส่วนคนที่ไม่มีมารยาทหรือไร้การศึกษา แม้จะอยู่ในที่กว้างใหญ่ (ถนน) ก็ยังแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ผู้ดีเดินตรอกขี้ครอกเดินถนน" ในประโยค
- แม้จะไปอยู่ในชุมชนแออัด เขาก็ยังรักษามารยาทได้ดี สมกับคำว่าผู้ดีเดินตรอกขี้ครอกเดินถนน
- ต่อให้ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ถ้าไม่ได้รับการอบรมมารยาทที่ดีมาตั้งแต่เด็ก ก็คงเป็นขี้ครอกเดินถนนอยู่วันยังค่ำ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี