หมายถึง ต้องยอมทําด้วยความจําใจหรือไม่มีทางเลือก.
ประเภทสำนวน
"ผีถึงป่าช้า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเปรยเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต แต่เป็นการเปรียบเปรย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเปรยถึงสถานการณ์ที่เรื่องราวหรือปัญหาได้มาถึงจุดวิกฤติแล้ว ไม่มีทางแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้อีก คล้ายกับว่าเมื่อร่างของผีได้ถูกนำมาถึงป่าช้าแล้ว ก็จะต้องถูกฝังหรือเผาตามพิธีกรรม ไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไป
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ผีถึงป่าช้า" ในประโยค
- ตอนนี้เรื่องมันเป็นผีถึงป่าช้าแล้ว ต่อให้คุณพยายามแก้ไขอย่างไรก็สายเกินไป
- เขาตัดสินใจไปแล้ว ถือว่าผีถึงป่าช้า เราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี