ว่ากล่าวตักเตือนตลอดเวลาไม่หยุดหย่อน
ประเภทสำนวน
"ปากเปียกปากแฉะ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยลักษณะนิสัยของคนที่ชอบพูดมาก พูดไม่หยุด โดยใช้ลักษณะทางกายภาพเป็นการเปรียบเทียบ ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากลักษณะของคนพูดมากจนปากไม่แห้ง ปากเปียกชุ่มตลอดเวลา เปรียบเปรยถึงคนที่พูดไม่หยุด พูดมาก หรือชอบนินทาคนอื่นอยู่เสมอ ใช้ในความหมายเชิงตำหนิหรือล้อเลียนลักษณะนิสัยคนที่ชอบพูด
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปากเปียกปากแฉะ" ในประโยค
- แม่ค้าคนนั้นปากเปียกปากแฉะ พูดไม่หยุดตั้งแต่เช้ายันเย็น ขายของไปด้วยเล่าเรื่องชาวบ้านไปด้วย
- พี่สาวฉันปากเปียกปากแฉะ เล่าเรื่องละครให้ฟังทั้งวัน จนฉันต้องหนีไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี