ปล่อยศัตรูสำคัญหรือโจรผู้ร้าย ที่ตกอยู่ในอำนาจให้พ้นไปนั้น จะทำให้เขากลับมีกำลังและอาจกลับเข้ามาก่อความเดือดร้อนได้อีก
ประเภทสำนวน
"ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ชัดเจน เกี่ยวกับการปล่อยสิ่งที่ดีให้กลับไปอยู่ในที่ที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่เปรียบเปรย แต่ให้ข้อคิดสมบูรณ์ในตัวเองโดยไม่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนเรื่องการปล่อยให้คนหรือสิ่งต่างๆ ได้อยู่ในที่ที่เหมาะสมและเป็นธรรมชาติ โดยเปรียบเทียบกับการปล่อยเสือกลับป่าซึ่งเป็นที่อยู่ที่เหมาะสม หรือปล่อยปลาลงน้ำซึ่งเป็นธรรมชาติของมัน สื่อถึงการทำสิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม บางครั้งยังหมายถึงการทำบุญให้ทาน เช่น การปล่อยปลา เพื่อสร้างกุศล
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ" ในประโยค
- คนที่ดี มีความรู้ความสามารถ ควรได้ทำงานที่เหมาะกับความสามารถ เปรียบเหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ
- พ่อแม่ที่ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศแล้วลูกประสบความสำเร็จ เหมือนได้ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ เพราะเขาได้อยู่ในที่ที่เหมาะสมกับความสามารถของเขา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี