การกระทำการใดให้ใครต้องถามความต้องการหรือความสมัครใจของผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์หรือผลกระทบโดยตรง
ประเภทสำนวน
"ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ปลูกอู่ตามใจผู้นอน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดโดยตรง และมีความหมายชัดเจนในตัวเอง ถ่ายทอดหลักการสำคัญในการดำเนินชีวิตเกี่ยวกับการเคารพความต้องการของผู้อื่น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้คำนึงถึงความต้องการและความพึงพอใจของผู้ที่จะใช้สิ่งนั้นๆ เป็นหลัก ไม่ใช่ทำตามใจผู้สร้างหรือผู้จัดหา เพราะผู้ใช้คือผู้ที่ต้องอยู่กับสิ่งนั้นในระยะยาว จึงควรให้ความสำคัญกับความต้องการของพวกเขา สะท้อนแนวคิดเรื่องการเห็นอกเห็นใจและการยึดประโยชน์ของผู้ใช้เป็นสำคัญ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ปลูกอู่ตามใจผู้นอน" ในประโยค
- เวลาซื้อเสื้อผ้าให้คนในครอบครัว ฉันเชื่อคำสอนที่ว่าปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน จึงมักพาพวกเขาไปเลือกเอง
- ผู้บริหารยึดหลักปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน จึงเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการออกแบบพื้นที่ทำงานใหม่
- แม่บ้านที่ดีต้องยึดหลักปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน ทำอาหารให้ถูกปากคนในบ้าน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี