ประเภทสำนวน
"ปลูกพืชย่อมหวังผล" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝงซึ่งต้องตีความเพิ่มเติม โดยใช้การอุปมาเปรียบเทียบการกระทำของมนุษย์กับธรรมชาติ แม้มีลักษณะคล้ายคำสอน แต่ไม่ได้สอนโดยตรง เป็นการเปรียบเปรยสิ่งที่เกิดขึ้นตามเหตุผล
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบจากธรรมชาติของการปลูกพืช ที่เมื่อใครลงแรงปลูกต้นไม้ย่อมมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้ผลผลิตเป็นการตอบแทน ใช้เปรียบเทียบว่าเมื่อคนทำอะไรย่อมมีเป้าหมายหรือผลประโยชน์ที่คาดหวังเป็นธรรมดา ไม่ใช่ทำเพียงเพื่อการเสียสละโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปลูกพืชย่อมหวังผล" ในประโยค
- ข้าราชการที่อุตส่าห์ทำงานล่วงเวลา ก็น่าจะได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพราะปลูกพืชย่อมหวังผล ไม่มีใครทำงานฟรีได้ตลอด
- ถ้าคุณจะให้เงินลงทุนในธุรกิจนี้กับฉัน คุณคงต้องการผลกำไรส่วนแบ่งคืนด้วยใช่ไหม ปลูกพืชย่อมหวังผล นี่เป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี