ขอร้องให้เทวดาผีสางนางไม้ช่วยโดยการบน
ประเภทสำนวน
"บนข้าวผี ตีข้าวพระ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะเหมือนสำนวนไทย แต่เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมคนที่เอาเปรียบผู้อื่น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้สะท้อนความเชื่อดั้งเดิมของคนไทยเกี่ยวกับอาหารที่ทำบุญหรือเซ่นไหว้ โดย 'ข้าวผี' หมายถึงอาหารที่ตั้งไว้เซ่นผี และ 'ข้าวพระ' หมายถึงอาหารที่นำไปถวายพระ การ 'บน (กิน) ข้าวผี ตีข้าวพระ' จึงหมายถึงการเอาของที่ควรให้ผีมากินเสียเอง และเอาของที่ควรถวายพระไปทิ้งหรือทำลาย แสดงถึงพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ และไม่รู้จักให้เกียรติหรือเคารพสิ่งที่ควรเคารพ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "บนข้าวผี ตีข้าวพระ" ในประโยค
- นายห้างคนนั้นเอาเงินที่ควรจ่ายโบนัสให้พนักงานไปซื้อรถหรูแต่กลับตัดงบการกุศลของบริษัท นี่มันเรียกว่าบนข้าวผี ตีข้าวพระชัดๆ
- พฤติกรรมของเขาที่กินอาหารที่เตรียมไว้เซ่นไหว้บรรพบุรุษเสียเอง แต่กลับทิ้งอาหารดีๆ ที่ซื้อมาถวายพระ แบบนี้เรียกว่าบนข้าวผี ตีข้าวพระ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี