คนที่มีท่าหงิม ๆ มักจะมีความคิดลึกซึ้ง
ประเภทสำนวน
"น้ำนิ่งไหลลึก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบลักษณะของน้ำกับบุคลิกของคน จึงจัดเป็นคำพังเพย ที่มีความหมายแฝงต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนไทยแบบที่แปลตรงๆ ไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากธรรมชาติของน้ำ โดยสังเกตว่าบริเวณที่น้ำไหลเชี่ยวมักจะตื้น แต่บริเวณที่น้ำนิ่งมักจะลึก นำมาเปรียบกับคนที่เงียบขรึม ไม่ค่อยพูด ไม่แสดงออก มักจะเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง มีความรู้ความสามารถ หรือมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าที่แสดงออกมาภายนอก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "น้ำนิ่งไหลลึก" ในประโยค
- คุณอย่าประมาทอาจารย์ท่านนี้นะ ถึงท่านจะดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ท่านเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทใหญ่หลายแห่ง
- เพื่อนผมคนนี้น้ำนิ่งไหลลึกจริงๆ ปกติเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่พอถึงตอนแข่งขันตอบปัญหาวิชาการ กลับตอบได้ทุกข้อ
- อย่าหลงกลสาวเงียบคนนั้น เธอเป็นพวกน้ำนิ่งไหลลึก ดูเรียบร้อยแต่คิดหลายชั้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี