ตลบตะแลง มิจิตใจไม่แน่นอน หรือเอาแน่อะไรไม่ได้ ปัจจุบันมักถูกนำมาเปรียบเปรยกับสาวที่มีจิตใจไม่มั่นคง
ประเภทสำนวน
"น้ำกลิ้งบนใบบอน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า คำพังเพยนี้มีลักษณะเปรียบเทียบอย่างชัดเจน โดยเปรียบพฤติกรรมของมนุษย์กับธรรมชาติ คือน้ำที่ไหลกลิ้งบนใบบอน ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต แต่ต้องตีความเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจความหมายแฝงที่ต้องการสื่อ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการสังเกตธรรมชาติของใบบอนที่มีลักษณะผิวลื่นและมีความมันวาว เมื่อมีน้ำหยดลงบนใบบอน น้ำจะกลิ้งผ่านใบบอนไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เกาะติดหรือซึมลงใบ ใช้เปรียบกับคนที่ไม่ยึดติดกับความรู้สึก ไม่เก็บเอาเรื่องราว ความทุกข์ หรือความกังวลมาใส่ใจ ปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำที่กลิ้งผ่านใบบอน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "น้ำกลิ้งบนใบบอน" ในประโยค
- แม้จะเจอคำวิจารณ์รุนแรง แต่เขาก็ยังยิ้มได้ เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่เคยเก็บอะไรมาคิดมาก
- คุณรู้ไหมว่าทำไมเธอถึงมีความสุขตลอดเวลา? เพราะเธอเป็นคนที่เป็นเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่ยึดติดกับปัญหาหรือความทุกข์ใดๆ
- ผู้จัดการคนใหม่นี่เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน จริงๆ เจอวิกฤตอะไรก็ไม่เคยหวั่นไหว ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี