การติฉินนินทานั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา วรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี
ประเภทสำนวน
"นินทากาเลเหมือนเทน้ำ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่เตือนสติให้ระวังการนินทาว่าร้ายผู้อื่น โดยเปรียบเทียบให้เห็นผลเสียที่เกิดขึ้น ข้อความมีความสมบูรณ์ในตัวเองและสื่อข้อคิดที่ชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้เปรียบเทียบว่าการนินทาว่าร้ายผู้อื่นเหมือนกับการเทน้ำลงบนพื้น ซึ่งเมื่อเทน้ำลงไปแล้ว ไม่สามารถเก็บกลับคืนมาได้อีก เช่นเดียวกับคำพูดที่เป็นการนินทา เมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ และอาจส่งผลเสียต่อทั้งผู้ถูกนินทาและผู้นินทาเอง เป็นการสอนให้คนระมัดระวังคำพูดของตนเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นินทากาเลเหมือนเทน้ำ" ในประโยค
- พ่อแม่มักสอนลูกว่า นินทากาเลเหมือนเทน้ำ เมื่อพูดออกไปแล้วก็เรียกกลับคืนไม่ได้
- ผมเตือนเพื่อนที่ชอบพูดถึงคนอื่นลับหลังเสมอว่า นินทากาเลเหมือนเทน้ำ ระวังวันหนึ่งจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้
- ครูสอนนักเรียนเรื่องมารยาทในการพูดโดยยกสุภาษิต นินทากาเลเหมือนเทน้ำ มาเป็นอุทาหรณ์
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี