การกระทำที่ทำให้ตนเองเสียผลประโยชน์หรือได้รับความเสียหาย
ประเภทสำนวน
"ทุบหม้อข้าวตัวเอง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยถึงการกระทำที่เป็นการทำลายแหล่งที่มาของรายได้หรือความมั่นคงของตนเอง ต้องตีความเพิ่มเติมจากความหมายตรงตัว
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากความหมายตรงตัวของการทุบหม้อข้าว ซึ่งหม้อข้าวเป็นภาชนะสำคัญที่ใช้หุงหาอาหาร เปรียบเสมือนแหล่งเลี้ยงชีพ การทุบทำลายหม้อข้าวของตัวเองจึงเท่ากับการทำลายแหล่งอาหารหรือรายได้ของตัวเอง อันเป็นการกระทำที่ขาดความยั้งคิดและเป็นผลเสียต่อตนเองในระยะยาว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ทุบหม้อข้าวตัวเอง" ในประโยค
- หลังจากที่เขาทะเลาะกับเจ้านายอย่างรุนแรงแล้วลาออกทันทีโดยไม่มีงานใหม่รองรับ นี่เท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเองชัดๆ
- การที่เธอพูดจาไม่ดีกับลูกค้าประจำจนเขาเลิกมาใช้บริการ ก็เหมือนกับทุบหม้อข้าวตัวเองนะ เพราะลูกค้าคนนี้สร้างรายได้ให้เธอมาตลอด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ทุบหม้อข้าวตัวเอง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเปรยที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต แต่เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมที่ทำลายแหล่งที่มาของรายได้หรือความมั่นคงของตัวเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเปรียบเทียบว่า 'หม้อข้าว' เป็นสิ่งที่ใช้หุงหาอาหารเพื่อการยังชีพ เป็นสัญลักษณ์ของแหล่งอาหารหรือรายได้ การ 'ทุบหม้อข้าว' จึงเปรียบเหมือนการทำลายแหล่งที่มาของรายได้หรือความมั่นคงของตนเอง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดและนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ทุบหม้อข้าวตัวเอง" ในประโยค
- เธอไปทะเลาะกับเจ้านายจนโดนไล่ออก ก็เท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเองแท้ๆ
- พนักงานคนนั้นขโมยของบริษัทจนโดนจับได้ ก็เหมือนทุบหม้อข้าวตัวเอง เพราะได้เงินนิดหน่อยแต่ต้องตกงาน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี