การกระทำที่เฉยเมย ไม่กระตือรือร้น ไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเดือดร้อนหรือรู้สึกอย่างไร
เฉยเมย,ไม่กระตือรือร้น,ไม่สะดุ้งสะเทือน
ประเภทสำนวน
"ทองไม่รู้ร้อน" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนที่ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตัว (ทองคำจริงๆ ย่อมรู้ร้อนเมื่อถูกความร้อน) จึงต้องตีความเป็นนัยเฉพาะ ไม่มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่การเปรียบเทียบแบบคำพังเพย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การวางตัวเฉยเมย ไม่แสดงความรู้สึกหรือท่าทีตอบสนองต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เดือดร้อน ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง เปรียบเหมือนทองคำที่แม้จะถูกไฟ ก็ไม่แสดงอาการร้อนให้คนอื่นเห็น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ทองไม่รู้ร้อน" ในประโยค
- แม้จะถูกเพื่อนๆ ล้อเรื่องที่เขาเคยสอบตก แต่เขาก็ทองไม่รู้ร้อน เฉยเหมือนไม่ได้ยิน
- ฉันพยายามบอกใบ้ให้เธอรู้ว่าเรารู้ความลับของเธอแล้ว แต่เธอก็ยังคงทองไม่รู้ร้อน ทำเป็นไม่รู้เรื่องไปเสียอย่างนั้น
- ทั้งที่ถูกหัวหน้าตำหนิต่อหน้าทุกคน แต่เขากลับวางทองไม่รู้ร้อน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ทองไม่รู้ร้อน" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตัว ต้องตีความเป็นความหมายเฉพาะ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (สุภาษิต) และไม่ได้มีโครงสร้างเปรียบเทียบชัดเจน (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
ทองคำเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ ถึงแม้จะถูกความร้อนสูง ก็ไม่แสดงอาการเปลี่ยนแปลงให้เห็นชัดเจนเหมือนโลหะอื่น สำนวนนี้จึงใช้เปรียบกับคนที่ทำเฉยเมย ไม่แสดงความรู้สึกหรือความสนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่หวั่นไหวหรือสะทกสะท้าน แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นหรือเป็นปัญหา
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ทองไม่รู้ร้อน" ในประโยค
- แม้ทุกคนจะวิจารณ์เขาอย่างหนัก แต่เขาก็ยังทองไม่รู้ร้อน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
- รายงานเรื่องการทุจริตแพร่สะพัดไปทั่ว แต่ผู้บริหารคนนั้นยังคงทองไม่รู้ร้อน ไม่แสดงท่าทีอะไรเลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี