ชายหญิงที่เคยรักใคร่หรือเคยได้เสียกันมาก่อนแม้เลิกร้างกันไป เมื่อมาพบกันใหม่ย่อมรักใคร่หรือปลงใจกันได้ง่ายขึ้น
ชายหญิงที่เคยรักใคร่หรือเคยได้เสียกันมาก่อนแม้เลิกร้างกันไปเมื่อมาพบกันใหม่ย่อมรักใคร่หรือปลงใจกันได้ง่ายขึ้น
ประเภทสำนวน
"ถ่านไฟเก่า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างคนกับความรักเก่าให้เข้าใจเป็นนัย ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบกับลักษณะทางกายภาพของถ่านไฟที่ดูเหมือนดับแล้ว แต่ยังมีความร้อนหลงเหลืออยู่ภายใน เมื่อได้รับการปลุกเร้าหรือมีลมพัดก็อาจลุกโชนขึ้นมาใหม่ได้ง่าย เปรียบเทียบกับความรักเก่าหรือความสัมพันธ์ในอดีตที่ดูเหมือนยุติไปแล้ว แต่ความรู้สึกยังคงอยู่และอาจฟื้นคืนได้ง่ายเมื่อมีโอกาสพบกันอีกครั้ง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ถ่านไฟเก่า" ในประโยค
- สมศรีกับปรีชาเคยเป็นแฟนกันมาก่อน แม้ตอนนี้แยกทางกันไปหลายปีแล้ว แต่พอได้เจอกันอีกครั้งก็ดูเหมือนจะยังมีถ่านไฟเก่าหลงเหลืออยู่
- เธอบอกว่าเลิกกับแฟนเก่าไปนานแล้ว แต่ฉันเห็นสายตาที่มองกันยังมีถ่านไฟเก่าอยู่เลย ไม่แน่ใจว่าเขาตัดใจกันได้จริงหรือเปล่า
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ถ่านไฟเก่า" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบความรู้สึกหรือความสัมพันธ์เก่าที่ยังคงมีอยู่กับถ่านไฟที่ยังคงความร้อนแม้จะดูเหมือนมอดลงแล้ว ต้องตีความเพิ่มเติมจากคำเปรียบเทียบ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้อุปมาว่า ความรักหรือความสัมพันธ์เก่าก็เหมือนกับถ่านไฟที่ดูภายนอกเหมือนมอดดับไปแล้ว แต่ความจริงยังมีความร้อนซ่อนอยู่ข้างใน เมื่อมีสิ่งกระตุ้น (เช่น พบเจอกันอีกครั้ง) ก็อาจลุกโชนขึ้นมาได้ใหม่โดยง่าย แสดงว่าความรู้สึกเดิมไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ถูกกลบไว้ชั่วคราวเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ถ่านไฟเก่า" ในประโยค
- เขาเคยเป็นแฟนกันมาก่อน แม้จะเลิกกันไปหลายปีแล้ว แต่พอได้พบกันอีกครั้งก็ดูเหมือนถ่านไฟเก่าที่พร้อมจะลุกโชนขึ้นมาใหม่
- แม้จะไม่ได้เจอกันมาสิบปี แต่พอได้พูดคุยกันอีกครั้งความสนิทก็กลับมาเหมือนเดิม เรียกว่าเป็นถ่านไฟเก่าที่ยังไม่มอดดับ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี